ถ้าพูดถึงการ์ดดจอที่แรงที่สุด ในงบประมาณที่เหมาะสมที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้น NVIDIA GeForce RTX 3080 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยประสิทธิภาพที่ทดสอบมาแล้วว่าแรงกว่า RTX 2080 Ti ถึง 90% (จริงเป่า) และตอนนี้ทีมงาน NBS ก็ได้เจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ไว้ในมือแล้ว ผลทดสอบจะเป็นอย่างไรไปชมกัน
เป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน ได้มีโอกาสสัมผัสเจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ก่อนใครกับเขาบ้างโดยทีมงานมีเวลาคลุกคลีกับมันราว 1 สัปดาห์ก่อนเปิดตัว และด้วยความเป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ทีมงานเลยขอพาทุกท่านไปรู้จักเทคโนโลยีของตัว RTX 30 Series กันก่อน
NVIDIA GeForce RTX 30 Series ถือเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก RTX 20 Series เดิมซึ่งเปิดตัวมาเมื่อราว 2 ปีก่อน โดยใช้รหัสพัฒนาว่า Ampere (GA102) ที่ลดเทคโนโลยีการผลิตเหลือ 8 นาโนเมตร ต่อยอดมาจากรหัสเดิมคือ Turing (TU102) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร โดย Ampere จะมีทรานซิสเตอร์ 44.6MT / mm2 (GA102) เทียบกับ 24.7 MT / mm2 สำหรับ Turing (TU102) Ampere RTX GPU ที่ใหญ่ที่สุด – GA102 มีทรานซิสเตอร์ 28 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 628.4 mm2 GPU นี้จะใช้สำหรับ GeForce RTX 3090 และ RTX 3080 รุ่นเรือธงมี Multiprocessor 82 ตัวพร้อม 328 Tensor cores และ 82 RT cores (ray tracing cores) นอกจากนี้ยังมีบัสหน่วยความจำ 384 บิตและแคช L2 6MB
ส่วนรุ่นเล็ก GA104 RTX 3070 มีทรานซิสเตอร์ 17.4 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 392 มม. , 46 SM ที่เปิดใช้งานดังนั้นจำนวน Tensors คือ 184 และ RT cores คือ 46 GPU นี้มีบัสหน่วยความจำ 256 บิตและ 4MB ของแคช L2
รีวิว NVIDIA GeForce RTX 3080 การ์ดจอแห่งอนาคต เทสชน RTX 2080Ti แรงกว่าจริงเหรอ?
ถ้าพูดถึงการ์ดดจอที่แรงที่สุด ในงบประมาณที่เหมาะสมที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้น NVIDIA GeForce RTX 3080 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยประสิทธิภาพที่ทดสอบมาแล้วว่าแรงกว่า RTX 2080 Ti ถึง 90% (จริงเป่า) และตอนนี้ทีมงาน NBS ก็ได้เจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ไว้ในมือแล้ว ผลทดสอบจะเป็นอย่างไรไปชมกัน
เป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน NBS ได้มีโอกาสสัมผัสเจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ก่อนใครกับเขาบ้างโดยทีมงานมีเวลาคลุกคลีกับมันราว 1 สัปดาห์ก่อนเปิดตัว และด้วยความเป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ทีมงานเลยขอพาทุกท่านไปรู้จักเทคโนโลยีของตัว RTX 30 Series กันก่อน
NVIDIA GeForce RTX 30 Series ถือเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก RTX 20 Series เดิมซึ่งเปิดตัวมาเมื่อราว 2 ปีก่อน โดยใช้รหัสพัฒนาว่า Ampere (GA102) ที่ลดเทคโนโลยีการผลิตเหลือ 8 นาโนเมตร ต่อยอดมาจากรหัสเดิมคือ Turing (TU102) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร โดย Ampere จะมีทรานซิสเตอร์ 44.6MT / mm2 (GA102) เทียบกับ 24.7 MT / mm2 สำหรับ Turing (TU102) Ampere RTX GPU ที่ใหญ่ที่สุด – GA102 มีทรานซิสเตอร์ 28 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 628.4 mm2 GPU นี้จะใช้สำหรับ GeForce RTX 3090 และ RTX 3080 รุ่นเรือธงมี Multiprocessor 82 ตัวพร้อม 328 Tensor cores และ 82 RT cores (ray tracing cores) นอกจากนี้ยังมีบัสหน่วยความจำ 384 บิตและแคช L2 6MB
ส่วนรุ่นเล็ก GA104 RTX 3070 มีทรานซิสเตอร์ 17.4 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 392 มม. , 46 SM ที่เปิดใช้งานดังนั้นจำนวน Tensors คือ 184 และ RT cores คือ 46 GPU นี้มีบัสหน่วยความจำ 256 บิตและ 4MB ของแคช L2
เมื่อลองเทียบสเปคทั้ง 3 รุ่น กับ RTX 2080 Ti จะเห็นถึงความต่างที่เห็นได้ชัดมาก แม้จะเป็นรุ่นเล็กอย่าง RTX 3070 ก็ยังมี CUDA Core มากกว่า RTX 2080 Ti แบบ 5888 / 4352 และยังมีอีกหลายส่วนที่สเปคดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่าราวเท่าตัว (RTX 2080Ti จะยังเหนือกว่าบ้างในส่วนของความจ / บัสของตัวแรม และแบนวิธที่สูงกว่า)
โดยรุ่นพี่ใหญ่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3090 พี่ใหญ่ที่สุดรองรับ 8K ได้ด้วยการ์ดใบเดียว (ขณะที่ RTX 2080Ti 2 ตัวทำ SLI ยังไม่ค่อยจะไหวเลย) รวมไปถึง NVIDIA GeForce RTX 3070 น้องเล็ก แต่แรงระดับเดียวกับ RTX 2080 Ti เลยทีเดียว
รีวิว NVIDIA GeForce RTX 3080 การ์ดจอแห่งอนาคต เทสชน RTX 2080Ti แรงกว่าจริงเหรอ?
ถ้าพูดถึงการ์ดดจอที่แรงที่สุด ในงบประมาณที่เหมาะสมที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้น NVIDIA GeForce RTX 3080 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยประสิทธิภาพที่ทดสอบมาแล้วว่าแรงกว่า RTX 2080 Ti ถึง 90% (จริงเป่า) และตอนนี้ทีมงาน NBS ก็ได้เจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ไว้ในมือแล้ว ผลทดสอบจะเป็นอย่างไรไปชมกัน
เป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน NBS ได้มีโอกาสสัมผัสเจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ก่อนใครกับเขาบ้างโดยทีมงานมีเวลาคลุกคลีกับมันราว 1 สัปดาห์ก่อนเปิดตัว และด้วยความเป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ทีมงานเลยขอพาทุกท่านไปรู้จักเทคโนโลยีของตัว RTX 30 Series กันก่อน
NVIDIA GeForce RTX 30 Series ถือเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก RTX 20 Series เดิมซึ่งเปิดตัวมาเมื่อราว 2 ปีก่อน โดยใช้รหัสพัฒนาว่า Ampere (GA102) ที่ลดเทคโนโลยีการผลิตเหลือ 8 นาโนเมตร ต่อยอดมาจากรหัสเดิมคือ Turing (TU102) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร โดย Ampere จะมีทรานซิสเตอร์ 44.6MT / mm2 (GA102) เทียบกับ 24.7 MT / mm2 สำหรับ Turing (TU102) Ampere RTX GPU ที่ใหญ่ที่สุด – GA102 มีทรานซิสเตอร์ 28 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 628.4 mm2 GPU นี้จะใช้สำหรับ GeForce RTX 3090 และ RTX 3080 รุ่นเรือธงมี Multiprocessor 82 ตัวพร้อม 328 Tensor cores และ 82 RT cores (ray tracing cores) นอกจากนี้ยังมีบัสหน่วยความจำ 384 บิตและแคช L2 6MB
ส่วนรุ่นเล็ก GA104 RTX 3070 มีทรานซิสเตอร์ 17.4 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 392 มม. , 46 SM ที่เปิดใช้งานดังนั้นจำนวน Tensors คือ 184 และ RT cores คือ 46 GPU นี้มีบัสหน่วยความจำ 256 บิตและ 4MB ของแคช L2
เมื่อลองเทียบสเปคทั้ง 3 รุ่น กับ RTX 2080 Ti จะเห็นถึงความต่างที่เห็นได้ชัดมาก แม้จะเป็นรุ่นเล็กอย่าง RTX 3070 ก็ยังมี CUDA Core มากกว่า RTX 2080 Ti แบบ 5888 / 4352 และยังมีอีกหลายส่วนที่สเปคดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่าราวเท่าตัว (RTX 2080Ti จะยังเหนือกว่าบ้างในส่วนของความจ / บัสของตัวแรม และแบนวิธที่สูงกว่า)
โดยรุ่นพี่ใหญ่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3090 พี่ใหญ่ที่สุดรองรับ 8K ได้ด้วยการ์ดใบเดียว (ขณะที่ RTX 2080Ti 2 ตัวทำ SLI ยังไม่ค่อยจะไหวเลย) รวมไปถึง NVIDIA GeForce RTX 3070 น้องเล็ก แต่แรงระดับเดียวกับ RTX 2080 Ti เลยทีเดียว
นอกจากสเปคแล้วทาง NVIDIA ยังได้พัฒนา RT Core รุ่นที่สองซึ่งช่วยเพิ่มการเร่งความเร็ว ray tracing อีกทั้ง RT Core ยังช่วยจัดลำดับชั้นของข้อมูลใหม่ (BVH) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมและเรียบง่ายด้วยโปรเซสเซอร์สตรีม SIMD นอกจากนั้นยังลดเอฟเฟกต์ภาพเบลอจากการเคลื่อนไหวใน real-time ray tracing อีกด้วย เอาเป็นว่าช่วยให้การทำงานของ real-time ray tracing สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นละครับ
Tensor Cores รุ่นที่สามส่วนใหญ่คัดลอกการออกแบบมาจาก A100 Accelerator แกนนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระหว่างการลดอัตราการสุ่มสัญญาณ DLSS AI-super resolution ในการเล่นเกม หรือคือการใช้ AI เข้ามาเพิ่มความคมชัด และเฟรมเรทในการเล่นเกมนั่นเองละครับ

Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 081-9160211 , 081-9160211