คอมพิวเตอร์พัง หนึ่งในปัญหาหนักใจของคนทำงานและวัยเรียนทุกคน เพราะในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงานของหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณตัวเลข โปรแกรมตกแต่งภาพ โปรแกรมการเขียนงาน โปรแกรมที่ใช้ในการนำเสนองาน หรือแม้แต่โปรแกรมสแกนไวรัส เราต่างก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการดำเนินงานทั้งนั้น
แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่ง คอมพิวเตอร์พัง ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะสร้างปัญหาในการทำงานหรือเรียนออนไลน์ ให้แก่เราไม่ใช่น้อย แล้วเราจะมีวิธีป้องกันและดูแลอย่างไร ให้คอมพิวเตอร์คู่ใจกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม? วันนี้ฟอร์จูนทาวน์จะพาทุกคนไปทราบปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้คอมพัง พร้อมวิธีดูแลรักษาง่าย ๆ ให้คอมพิวเตอร์ใช้งานได้นาน ๆ กัน
ก่อนที่จะไปพูดถึงสาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์ใช้งานไม่ได้ เรามาดูกันก่อนว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราพังได้ง่าย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงการใช้คอมพิวเตอร์ควบคู่กับอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจทำให้คอมพิวเตอร์พัง โดยไม่รู้ตัว!
เนื่องจากอุปกรณ์ต่าง ๆ มักอาศัยไฟฟ้าในการทำงาน หากเกิดไฟกระชาก หรือไฟตก อาจทำให้คอมพิวเตอร์หยุดทำงานกะทันหัน หรือข้อมูลที่บันทึกไว้อาจสูญหายได้ จึงควรมีเครื่องสำรองไฟ (UPS) ไว้จ่ายไฟ หรือสำรองไฟยามฉุกเฉินจะดีที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
ความร้อนมีผลทำให้เครื่องทำงานช้าลง หากอุปกรณ์ใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ เครื่องก็จะเกิดความร้อนสูง และอาจทำให้เมนบอร์ด (Mainboard) หรือที่นิยมเรียกกันว่า มาเธอร์บอร์ด (Motherboard) เสื่อมสภาพลงได้ จึงควรวางอุปกรณ์ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หรือติดตั้งอุปกรณ์ในบริเวณที่มีเครื่องปรับอากาศ จะช่วยยืดอายุการใช้งานไปได้นาน
อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่า อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ควรโดนน้ำหรือความชื้น เพราะอาจเสียหายได้ ซึ่งถ้าใครเผลอทำน้ำหกใส่ อาจทำให้อุปกรณ์ภายในเครื่องเกิดความเสียหาย รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและสนิมได้ ดังนั้น หากใครชอบวางแก้วน้ำไว้ข้างคอมพิวเตอร์บ่อย ๆ อาจต้องระวังไม่ให้เผลอปัดแก้วน้ำหกใส่เครื่องเป็นอันขาด
หลังจากที่เรารู้กันแล้วว่า ปัจจัยไหนบ้างที่มีผลทำให้โน้ตบุ๊กของเราเสียหายได้ ทีนี้ เรามาดูสาเหตุที่ทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เสื่อมสภาพกัน พร้อมวิธีดูแลคอมพิวเตอร์แบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำตามได้ไม่ยาก แต่จะมีอะไรบ้างนั้น? มาดูกันเลย
สาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์พัง เป็นอันดับต้น ๆ มักเกิดจากการที่เราใช้แฟรชไดรฟ์ที่มีไวรัส! เนื่องจากแฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์การย้ายข้อมูลที่ใช้งานบ่อยมากที่สุด อีกทั้งเป็นช่องทางที่แพร่กระจายไวรัสโจมตีได้ง่าย และรวดเร็ว เพราะผู้ใช้อาจเผลอเสียบแฟลชไดรฟ์ ร่วมกับอุปกรณ์อื่น หรือใช้อุปกรณ์ร่วมกับคนหลายคน ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราติดไวรัสมาง่ายนั่นเอง ซึ่งวิธีป้องกันนั้น เราควรติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสสำหรับคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ จะช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสทำลายข้อมูลในเครื่องจนเสียหายได้
ต่อมาสิ่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์พัง ในอันดับที่สอง มักเกิดจากการดาวน์โหลดโปรแกรมที่ไม่มีลิขสิทธิ์ หรือโปรแกรมเถื่อนลงเครื่อง เนื่องจากการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมต่าง ๆ ที่ติดตั้งลงเครื่องจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 แล้วนั่น นอกเหนือจากนี้ก็อาจทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ เพราะในโปรแกรมที่ไม่มีลิขสิทธิ์ มักจะมีไวรัสแอบแฝงเข้ามาทำลายระบบ หรือล้วงข้อมูลส่วนตัวซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินผู้ใช้งาน เพราะฉะนั้นควรเลือก หรือดาวน์โหลดโปรแกรมแบบที่ได้รับรองการจดลิขสิทธิ์ โดยในปัจจุบันมีทั้งโปรแกรมที่เกิดให้เราสามารถดาวน์โหลดฟรี เพื่อใช้งานในส่วนบุคคล หรือโปรแกรมที่ต้องทำการชำระเงิน เพื่อใช้งานภายในสำนักงาน นอกจากจะช่วยให้เราสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจแล้ว ยังปลอดภัยต่อข้อมูลในเครื่องอีกด้วย
สำหรับใครที่ไม่ชอบเช็ดทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ อาจต้องระวังหน่อย เนื่องจากอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้คอมพิวเตอร์พัง คือการที่มีฝุ่นละอองสะสมในเครื่องจำนวนมากจนกลายเป็นก้อนฝุ่นขนาดใหญ่ โดยฝุ่นละอองอาจปลิวเกาะบริเวณพัดลมระบายความร้อน ส่งผลให้พัดลมระบายความร้อนทำงานหนักขึ้น อีกทั้งยังทำให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ คอมพิวเตอร์พัง ไวกว่าปกตินั่นเอง
เราจึงควรทำความสะอาดบริเวณอุปกรณ์ โดยใช้แปรงปัดสำหรับทำความสะอาดคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ ปัดบริเวณพัดลมระบายอากาศ หรือบริเวณคีย์บอร์ดต่าง ๆ ที่ฝุ่นเข้าไปสะสมได้ง่ายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเปิดปัญหาด้านเครื่องร้อนได้
ผู้ใช้หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการชาร์จคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา จะช่วยให้เครื่องทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การชาร์จคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน จะทำให้อุปกรณ์เสื่อมได้ง่าย เราจึงควรชาร์จคอมพิวเตอร์แบบเว้นช่วงบ้าง จะทำให้แบตเตอรีสามารถบริหารไฟเข้า-ออก ช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เราควรชาร์จแบตเตอร์เมื่อต่ำกว่า 20% จะดีกว่าการปล่อยให้แบตเตอร์ต่ำหรือเหลือน้อยกว่า 10%
ปัญหาต่อไป ที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์มักกังวลว่าจะเกิดขึ้นกับบนอุปกรณ์ของตนเอง นั่นคือ มัลแวร์ (Malware) โปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายข้อมูลในระบบ ส่งผลให้คอมพิวเตอร์ทำงานผิดปกติ เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายทั้งทางข้อมูลและทรัพย์สิน
ซึ่งมัลแวร์มีด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส (Virus), เวิร์ม (Worm), หรือแอดแวร์ (Adware) วิธีป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ถูกมัลแวร์จู่โจมตี สามารถป้องกันได้ง่าย เพียงแค่เราดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมที่ถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น รวมถึงหมั่นอัปเดตระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ถูกไวรัสโจมตี จนข้อมูลในเครื่องถูกโจรกรรมหรือทำลาย
มาถึงสิ่งสุดท้ายที่ทำให้คอมพิวเตอร์พัง โดยไม่รู้ตัว นั่นคือ ความร้อน เพราะความร้อนจะทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์คู่ใจทำงานหนักจนเสียได้ การที่เครื่องร้อนมาก ๆ มักเกิดจากอุณหภูมิที่สูงจัด ฝุ่นสะสมในตัวเครื่องเยอะ หรือใช้งานคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ที่ไม่ถ่ายเทสะดวก ดังนั้นควรสังเกตคอมพิวเตอร์ของคุณว่าร้อน หรือเสียงพัดลมดังไปหรือไม่ อีกทั้งเราควรวางเครื่องคอมพิวเตอร์ ไว้ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และหมั่นทำความสะอาดไม่ให้ฝุ่นจับเครื่อง วิธีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 091-1206831